คุณแม่ให้นมลูก 2 เดือนขึ้นไป : ช่วยลดอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่แผลผ่าตัดคลอดได้
วันหยุดนี้ ขอนำภาพลูกในอ้อมกอดแม่ชั่วโมงแรกบนเตียงผ่าตัดคลอดมาให้ชมกันค่ะ
เพราะได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ การให้นมแม่ช่วยลดการเจ็บปวดเรื้อรังที่แผลผ่าตัดคลอดได้
เป็นการนำเสนอการศึกษาในการประชุมวิชาการของหมอดมยา ที่กรุงเจนีวาปีนี้ (3-5 มิ.ย. 2559)
ได้พาดหัวข่าวหลายสื่อ
ในประเทศอย่างอังกฤษ อเมริกา แคนาดา มีอัตราผ่าตัดคลอดประมาณร้อยละ 25 และจำนวนของคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดนี้ จะพบอาการปวดเรื้อรังที่แผลและปวดนานเกิน 3 เดือนประมาณร้อยละ 20
ในประเทศไทย มีตัวเลขการผ่าตัดคลอดในหลายๆ โรงพยาบาลจะสูงกว่านี้นะคะ
คุณหมอ Carmen Alicia Vargas Berenjeno และทีมจาก โรงพยาบาลHospital Universitario Nuestra Señora de Valme ใน Sevilla ประเทศสเปนได้ศึกษาในแม่ผ่าตัดคลอด 186 รายระหว่าง มกราคม 2558 –ธันวาคม 2560 สัมภาษณ์การให้นมแม่ และ ระดับการเจ็บปวดที่แผลผ่าตัดเมื่อ 24 และ 72 ชม หลังผ่าตัดและอีกครั้งเมื่อ 4 เดือน
ทีมวิจัยดูเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น เทคนิคการผ่าตัด การศึกษา อาชีพ ความกังวลของแม่ขณะให้นม
แม่ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 87 ให้นมแม่ และมีมากกว่าครึ่ง ประมาณร้อยละ 58 ให้นมแม่ 2 เดือนขึ้นไป
เขาพบว่าประมาณหนึ่ง หรือ ร้อยละ 22.8 ของแม่ที่ให้นมนาน 2 เดือน หรือ น้อยกว่า ยังคงรู้สึกเจ็บปวดที่แผลผ่าตัด เมื่อ 4 เดือน เทียบกับแม่ที่ให้นมแม่มากกว่าสองเดือนขึ้นไป ที่พบอาการเจ็บปวดแผลผ่าตัดเพียงร้อยละ 8.3
เท่ากับการที่คุณแม่ให้นมลูกระยะเวลาสองเดือนขึ้นไป แสดงว่า จะช่วยลดอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่แผลได้
เกือบถึงสามเท่า
นับว่าเป็นการศึกษาแรกที่ทำเรื่องนี้ และยังเป็นการศึกษาขนาดเล็ก กลไกเกิดได้อย่างไร ไม่ชัดเจน แต่ผู้วิจัยคิดว่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้หญิงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
อย่างไรก็ตาม ยังก็มีผู้ให้ความเห็นแย้ง คุณหมอสูติฯ บอกว่า ความจริง การเจ็บปวดแผลของแม่ น่าจะเป็นผลให้แม่หยุดให้นมแม่ก็ได้
ฝรั่งเขาคงจะค้นคว้าศึกษากันต่อ แต่คงไม่สงวนลิขสิทธ์ถ้าคนไทยจะศึกษาบ้างนะคะ
นำเรื่องนี้มาให้อ่าน เพราะเป็นการนำเสนอในแวดวงหมอดมยาค่ะ จะเห็นได้ว่า ในวงการแพทย์ไม่ใช่จะเกี่ยวข้องเฉพาะหมอสูติ หมอเด็ก แต่เกี่ยวข้องกับทุกหมอ ทุกวิชาชีพ และทุกคน
เพราะ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นความรับผิดชอบร่วมของสังคม
Breastfeeding May Reduce Pain after Cesarean
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.medscape.com/viewarticle/881169
ขอบคุณข้อมูล พญ. กรรณิการ์ บางสายน้อย มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย