งานสื่อสาธารณะ

งานสัปดาห์นมแม่โลก 2017

04 ธันวาคม 2017
แชร์ให้เพื่อน

งานสัปดาห์นมแม่โลก 2017

[seed_social]
[seed_social]

พ.ร.บ. นมผง ปลุกพลัง สังคมนมแม่

สู่เส้นทางความยั่งยืน “นมแม่ 1-6-2”

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน องค์กร Alive and Thrive องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  จัดงาน “รวมพลัง สร้างสังคมนมแม่ ให้ยั่งยืน” ในวาระสัปดาห์นมแม่โลก 2560 เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และสร้างการมีส่วนร่วมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้อง ส่งเสริม และ สนับสนุนให้แม่สามารถให้นมลูกด้วยนมของตนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานที่สุด ในปีนี้ การจัดงานนยังเพื่อเฉลิมฉลองสัปดาห์นมแม่โลกในประเทศไทยยังมีอีกวาระพิเศษ คือ การออก “พ.ร.บ. นมผง” ที่ พร้อมผลักดันรณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ “นมแม่ 1-6-2” เนื่องจากปัจจุบันแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีเพียง 23%  และปีนี้พิเศษ พระราชบัญญัติบ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560 ผ่านจะมีผลบังคับใช้ 9 กันยายน นี้ ซึ่งได้ผลักดันอย่างยาวนานถึง 36 ปี และจะมีผลบังคับใช้ 9 กันยายน นี้ เป็นอีกปัจจัยสำคัญเพื่อที่จะช่วยปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นมลูกได้นานขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต  ห หลังจากผลักดันและรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 36 ปี เพื่อช่วยแม่ให้นมแม่ได้สำเร็จ ชูนมแม่เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ซึ่งจะช่วยป้องกันสองโรคหลักที่เป็นสาเหตุทำให้ทารกเสียชีวิต คือ โรคท้องร่วงและปอดบวม จะช่วยป้องกันโรคท้องร่วง , โรคปอดบวม ซึ่งเป็นสองสาเหตุหลักที่ทำให้ทารกเสียชีวิต ส่วนแม่ที่ให้ลูกกินนมแม่ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านมอีกด้วย

ศ. คลินิก เกียรติคุณ นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานรวมพลัง สร้างสังคมนมแม่ ให้ยั่งยืน ใน “สัปดาห์นมแม่โลก 2560” ว่า การจัดงานในวันนี้ ปีนี้การจัดงานเฉลิมฉลองสัปดาห์นมแม่โลกในประเทศไทยมีวาระพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. 2560  พระราชบัญญัติพ.ร.บ. นมผง กำลังจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2560 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ มีไว้เพื่อปกป้องหญิงตั้งครรภ์ และแม่และครอบครัวที่มีทารกและเด็กเล็กให้นมลูกจากอิทธิพลใดๆ การส่งเสริมการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการเลือกอาหารให้ทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เปราะบางที่ควรได้รับอาหารที่เหมาะสม คือ นมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และนมแม่พร้อมอาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น กฎหมายฉบับนี้จะส่งผลช่วยให้ขัดขวางการให้นมแม่และสนับสนุนให้แม่ให้นมอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่พร้อมอาหารเสริมตามวัยยาวนานที่สุด แม่และครอบครัวควรจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการให้นมอาหารสำหรับทารก หรืออาหารเสริมทารกในแง่มุมที่ถูกต้องมากขึ้น กฏหมายฉบับนี้จะส่งผลให้เด็กได้รับนมแม่อย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกเกิดมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เปราะบาง การให้อาหารทดแทนนมแม่กับทารกที่ไม่เหมาะสมและเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิตของทารก  นอกจากนี้ สำหรับคุณแม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผงจริงๆ  ก็จะสามารถซื้อนมผงในราคาที่ถูกลง เพราะต้นทุนด้านการโฆษณาส่งเสริมการตลาดน่าจะลดลง ดังนั้นจึงอยากขอการสนับสนุนให้สื่อมวลชน รวมถึงทุกๆ หน่วยงานหันมาให้ความสนใจและช่วยกันผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกันร่วมกันรณรงค์ให้สังคมไทยเป็นสังคมนมแม่ที่ยั่งยืน ร่วมกัน ปกป้อง ส่งเสริม และสร้างการมีส่วนร่วมของครอบครัว สังคมให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ไม่ลำบาก และได้นานตามต้องการ

คือ การสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนมแม่ 1-6-2 มากยิ่งขึ้น 1. หมายถึง นมแม่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด  , 6 หมายถึง นมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรก และ  2 หมายถึง  นมแม่ต่อเนื่อง 2 ปี หรือ นานกว่านั้น เนื่องข้อมูลรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย  ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วนถึง 6 เดือน เพียงร้อยละ 23 ส่วนแม่ที่สามารถให้นมลูกได้ถึง 2 ปี มีเพียงร้อยละ 16 ซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ด้วยสาเหตุหลักในสภาพสังคมปัจจุบันที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป การส่งเสริมแม่และครอบครัวให้เข้าใจคุณค่าและความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคท้องร่วงและโรคปอดบวม ซึ่งเป็นสองสาเหตุหลักโรคหลักที่ทำให้ทารกเสียชีวิต ส่วนแม่ที่ให้ลูกกินนมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นสองสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้หญิง

 

นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์วชิระ เพ็งจันทร์  รองอธิบดี กรมอนามัย  กล่าวว่า กรมอนามัยอยาก สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยหลักง่ายๆ คือ “นมแม่ 1-6-2” โดยที่เลข 1 หมายถึง การสำคัญของการให้ทารกได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เลข 6 หมายถึง การให้ทารกได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียว 6 เดือนแรก  และเลข 2 หมายถึง การให้ทารกและเด็กเล็กได้กินนมแม่ต่อเนื่อง 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ปัจจุบันทารกที่ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอดมีร้อยละ 39.9 และกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มีเพียงร้อยละ 23 ส่วนแม่ที่ให้นมลูกนานได้ถึง 2 ปีมีเพียงร้อยละ 16 ซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมอนามัยพร้อมภาคีเครือข่าย จึงร่วมกันผลักดันนโยบายภาครัฐให้กรมอนามัยพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องเพื่อเอื้อต่อการดูแลหญิงตั้งครรภ์และแม่หลังคลอดให้สามารถให้นมลูกได้ภายใน 1 ชัวโมงแรกหลังคลอด ตลอดจนเฝ้าระวังการละเมิดพระราชบัญญัติ สืบเนื่องจากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย ครั้งที่ 5 หรือ MICS จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบันมีแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มีเพียงร้อยละ 23 ส่วนแม่ที่ให้นมลูกนานได้ถึง 2 ปีมีเพียงร้อยละ 16 ซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ปกป้องสนับสนุนแม่และครอบครัวได้ให้รู้เท่าทันถึงกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด เช่น การโฆษณาอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กต่างๆ ถึงเข้าใจข้อเท็จจริงว่า นมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก นมแม่ คือที่จะช่วยการสร้างต้นทุนให้กับลูก ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พัฒนาการสมวัย จิตใจ อารมณ์ และมีทักษะเชาว์ปัญญา (Executive Function) ที่ดี นอกจากนั้น ยังต้องร่วมกันปกป้องแม่และครอบครัวจากกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กต่างๆ และช่วยกันสื่อสารไปยังสถานที่ทำงานให้เอื้อเฟื้อการจัดตั้งมุมนมแม่ มีผู้บริหาร และ เพื่อนร่วมงาน ที่ให้เข้าใจต่อการบีบเก็บน้ำนม เพื่อให้แม่ทำงานสามารถเลี้ยงลูกนมแม่ อย่างเดียว 6 เดือนแรก และ นมแม่พร้อมอาหารตามวัยถึง 2 ปี หรือ นานกว่านั้นในสภาพสังคมปัจจุบันที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว 6 เดือนจึงต้องมีแรงสนับสนุนและความเข้าใจจากครอบครัวและสถานประกอบการที่แม่ทำงานอยู่ การส่งเสริมแม่และครอบครัวให้เข้าใจคุณค่าและความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคท้องร่วงและโรคปอดบวม ซึ่งเป็นสองโรคหลักที่ทำให้ทารกเสียชีวิต ส่วนแม่ที่ให้ลูกกินนมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่และมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นสองสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้หญิง ได้ตามเป้าหมาย

ปีนี้จะพิเศษกว่าทุกปีเนื่องจาก พระราชบัญญัติมีผลบังคับมีผลบังคับใช้ในตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2560 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ มีไว้เพื่อปกป้องน้ำนมแม่ ปกป้องแม่และเด็กทั่วประเทศไทย หลังจากผลักดันและรอคอยมาอย่างยาวนานถึง 36 ปี และคาดว่า คุณแม่และครอบครัวจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนมผง หรืออาหารเสริมทารกในแง่มุมที่ถูกต้องมากขึ้น เพราะการโฆษณาและส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ จะลดลง ซึ่งจะส่งผลให้คุณแม่ที่ตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และให้นมแม่ได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่มมีมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม นอกจากนี้ สำหรับคุณแม่ที่จำเป็นต้องใช้นมผงจริงๆ ก็จะได้ซื้อสินค้านมผงในราคาที่ถูกลง เพราะต้นทุนสินค้าด้านการโฆษณาส่งเสริมการตลาดน่าจะลดลง ซึ่งอยากขอการสนับสนุนให้สื่อมวลชน รวมถึงทุกๆ หน่วยงานหันมาให้ความสนใจและช่วยกันรณรงค์ให้สังคมไทยเป็นสังคมนมแม่ที่แท้จริง ที่ส่งเสริม สนับสนุนและปกป้องให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ไม่ลำบาก และได้นานตามต้องการ

 

“เส้นทางเพื่อช่วยให้แม่ให้นมแม่ได้สำเร็จ (Breaking the Barrier to Successful Breastfeeding) เริ่มจากโรงพยาบาล ไปสู่ชุมชน และครอบครัว ต้องให้การสนับสนุน ส่งเสริม และปกป้อง ให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างเต็มที่ ประกอบด้วย 6 ประเด็น คือ 1.ลงทุน 9 เดือน กำไรตลอดชีวิต 2.รู้ว่ามีน้อง ฝากท้องทันที 3.โฟเลต ไอโอดีน ธาตุเหล็ก สำคัญต่อลูกในท้อง 4.ชั่วโมงแรกที่ลูกเกิด บอกหมอ พยาบาล ช่วยนำลูกมาวางบนอกแม่ตั้งแต่ในห้องคลอด 5.วันแรกที่ลูกเกิดแยกแม่แยกลูกหลังคลอดไม่ดีนะ 6.น้ำนมมาแน่ถ้าแม่รู้และทำถูกวิธี” นายแพทย์วชิระกล่าว

แพทย์หญิง ศิริพร กัญชนะ  ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ผู้ร่วมจัดงานฯ กล่าวว่า ในวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี เป็นสัปดาห์นมแม่โลก  การจัดงานครั้งนี้ จึงเป็นการจับมือร่วมกันโดยภาคีเครือข่ายที่สำคัญ คือ กรมอนามัย มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย องค์กร Alive and Thrive องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ภาคียังคงผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่นเพื่อทำงาน ขับเคลื่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ยั่งยืนในสังคมไทย เริ่มจากโรงพยาบาล ไปสู่ชุมชน และครอบครัวให้การสนับสนุน ส่งเสริม และปกป้อง ให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างเต็มที่ และทำให้เรื่องนมแม่เป็นเหมือนเรื่องปกติในวิถีชีวิตให้ได้ โดยการสนับสนุน “ต่อไป “เส้นทางเพื่อช่วยให้แม่ให้นมแม่ได้สำเร็จ” (Breaking the Barrier to Successful Breastfeeding) ซึ่งเริ่มจากโรงพยาบาล ไปสู่ชุมชน และครอบครัว ต้องให้การสนับสนุน ส่งเสริม และปกป้อง ให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างเต็มที่ ประกอบด้วย 6 ประเด็น รวมถึงได้แก่ 1. คือ การ1.ลงทุน 9 เดือน กำไรตลอดชีวิต 2. รู้ว่ามีน้อง ฝากท้องทันที 3. โฟเลต ไอโอดีน ธาตุเหล็ก สำคัญต่อลูกในท้อง 4. ชั่ วโมงแรกที่ลูกเกิด บอกหมอ พยาบาล ช่วยนำลูกมาวางบนอกแม่ตั้งแต่ในห้องคลอด 5. วันแรกที่ลูกเกิดแยกแม่แยกลูกหลังคลอดไม่ดีนะ และ 6. น้ำนมมาแน่ถ้าแม่รู้และทำถูกวิธี” นายแพทย์วชิระกล่าว

ให้เรื่องนมแม่เป็นเหมือนเรื่องปกติในวิถีชีวิตให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบบริการสาธารณสุข  – เอื้อต่อการดูแลหญิงตั้งครรภ์และแม่หลังคลอดให้สามารถ ให้นมลูกได้ภายใน 1 ชัวโมงแรกหลังคลอด ตลอดจน ไม่มีการแจกตัวอย่างนมผง ให้กับ หญิงตั้งครรภ์ คุณแม่หลังคลอดและครอบครัว

นโยบายของภาครัฐ – ปกป้องแม่หลังคลอดให้รู้เท่าทันถึงกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด เช่น การโฆษณาอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กต่างๆ ถึงข้อเท็จจริงว่า นมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก l นมแม่ คือการสร้างต้นทุนให้กับลูก ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พัฒนาการสมวัย จิตใจ อารมณ์ และมีทักษะเชาว์ปัญญา (Executive Function) ที่ดี

สถานที่ทำงาน – เอื้อเฟื้อการจัดตั้งมุมนมแม่ มีผู้บริหาร และ เพื่อนร่วมงาน ที่เข้าใจต่อการบีบเก็บน้ำนม เพื่อให้แม่สามารถเลี้ยงลูกนมแม่ อย่างเดียว 6 เดือนแรก และ นมแม่พร้อมอาหารตามวัยถึง 2 ปี หรือ นานกว่านั้น

โดยภายในงาน “รวมพลัง สร้างสังคมนมแม่ ให้ยั่งยืน” มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การ ร่วมพูดคุยหัวข้อ “ เอกสิทธิ์น้ำนมแม่” โดยรองอธิบดีกรมอนามัย การ, เสวนา “นมแม่ดีต่อใจ” โดย        แชมเปี้ยนนมแม่ อาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์ และ พันโทหญิง วรางคนิต นันทนาสิทธิ์,  มินิคอนเสิร์ต “เพลงพลังรักนมแม่” โดย      น้องใบพลู ด.ญ.ภาวิดา พรวัฒนานุกูล หรือ น้องใบพลู และการแสดงพร้อมกับชมความสามารถพิเศษหนูน้อยนมแม่ น้องลิ้งค์ ด.ญ.ศิรินันท์ ตันติเวสส หรือ น้องลิ้งค์ และ พิธีมอบเกียรติบัตร เชิดชูเกียรติ แชมเปี้ยนนมแม่ และ หนูน้อยนมแม่  โดยมีกลุ่มคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่และครอบครัวมาร่วมชุมนุมเรียกร้องให้สังคมหันมาสนใจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้นกว่า 500 คน

                        

บทความที่เกี่ยวข้อง
งาน “รวมพลัง สร้างสังคมนมแม่ 162”
ไฮไลท์ งานสัปดาห์นมแม่โลก 14 สิงหาคม 2558
Application Moommae