โดย พญ. ปิยาภรณ์ บวรกีรติขจร
ในกระดานสนทนามักมีคำถามเรื่องยาที่คุณแม่ได้รับมาจากแพทย์ และอยากรู้ว่าจะใช้ได้ไหม หลายครั้งก็เป็นเรื่องเร่งด่วน บางคนก็ยอมทนกับความเจ็บป่วยเพราะไม่กล้าใช้ยานั้น จนกว่าคุณหมอๆ ของเว็บไซต์จะเข้ามาตอบในกระดานสนทนา หมอจึงเขียนบทความนี้เพื่อให้คุณแม่ได้ใช้ในยามฉุกเฉิน
แต่ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ต่อไป ขอทำความเข้าใจกับทุกท่านดังนี้
1. บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้คุณแม่ที่ได้รับยาจากแพทย์ แล้วไม่แน่ใจว่าจะใช้ยานั้นๆ ได้หรือไม่ ได้ใช้เพื่อการตัดสินใจใช้ยาเท่านั้น
2. กรุณาอย่านำข้อมูลจากบทความนี้ไปซื้อยาใช้เอง ขอยืนยันว่าการใช้ยาควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
3. ข้อมูลในบทความนี้ได้สรุปจากเอกสารอ้างอิงด้านล่าง ซึ่งอาจไม่ตรงกับตำราหรือแหล่งอ้างอิงของท่านก็ได้
4. ข้อมูลเรื่องยาต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทั้งนี้ขึ้นกับรายงานการติดตามการใช้ยานั้นๆ ในวงกว้าง รวมทั้งรายงานความปลอดภัยและผลแทรกซ้อนต่างๆ ดังนั้นข้อมูลในบทความนี้อาจไม่ตรงได้ในอนาคตหากมีข้อมูลใหม่ๆ มาลบล้าง
5. ชื่อยาในบทความนี้จะใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์หรือชื่อทั่วไป ไม่ใช้ชื่อการค้า
6. ยาส่วนใหญ่จะผ่านออกมาในน้ำนมแม่ในปริมาณที่น้อยมาก คือน้อยกว่า 1% และน้อยกว่าระดับยาที่ใช้รักษาสำหรับทารก การใช้ยาในแม่จึงผลน้อยต่อทารก และมียาเพียงไม่กี่ชนิดที่ห้ามใช้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยาต่างๆ มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาในแม่ที่ให้นมลูก เนื่องจากเกรงมีปัญหาทางด้านกฎหมาย ไม่ใช่เพราะเกรงว่ายาจะออกมาในนมแม่ในระดับสูงจนอาจเป็นอันตราย
7. กรณีที่แม่ป่วย อ่อนเพลียหรือง่วงจากผลของยา ควรแยกที่นอนกับลูก เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการพลิกต้วไปทับลูกโดยไม่รู้ตัว และหากเป็นโรคติดเชื้อ ก็อาจแพร่เชื้อสู่ลูกได้
หลักการใช้ยา
1. หลีกเลี่ยงการใช้ยา ยกเว้นในกรณีจำเป็น
2. เลือกยาที่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในสำหรับแม่ที่ให้นมลูก
3. รูปแบบของยาที่อาจมีผลต่อการให้นม เรียงลำดับจากน้อยไปหามากคือ ยาทา ยาพ่น ยากิน ยาฉีด
4. สำหรับแม่ที่จำเป็นต้องใช้ยาที่ผ่านออกทางน้ำนมบ้าง เพื่อให้มีผลต่อลูกน้อยที่สุด มีข้อแนะนำดังต่อไปนี้
– ใช้วิธีลดปริมาณยาที่ลูกอาจได้รับผ่านนมแม่ลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยให้แม่รับยานั้นทันทีหลังจากให้นมเสร็จ หรือในช่วงเวลา 3 – 4 ชั่วโมงก่อนให้นมลูกมื้อต่อไป
– ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ยาว ควรรับยานั้นในช่วงก่อนเวลาที่ลูกจะหลับยาว
– กรณีของยาที่อาจมีผลต่อทารก ถ้าต้องงดให้นมลูกชั่วคราว ให้บีบ/ปั๊มนมทิ้ง และป้อนนมผสมแก่ลูกจากถ้วย เพื่อป้องกันลูกติดจุกนม
– สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดกับลูก เช่นปัญหาด้านการดูดนม การหลับ ร้องกวน หรือมีผื่นผิวหนังเป็นต้น
กลุ่มยาต้านจุลชีพ ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ (บางคนเรียกผิดเป็นยาแก้อักเสบ)
ยาต้านแบคทีเรียที่ใช้ได้: amoxicillin, ampicillin, cloxacillin, dicloxacillin, amoxicillin+clavulanic acid (amoxyclav), cephalexin, cefaclor, cefazolin,cefuroxime, ceftazidime, ceftriaxone, azithromycin, clarithromycin, erythromycin, gentamicin, clindamycin, norfloxacin, ofloxacin, levofloxacin, moxalactam, vancomycin
ยากลุ่มที่มีตัวยาซัลฟา (sulphonamides) รวมอยู่ด้วย ควรเลี่ยงในทารกป่วย, เกิดก่อนกำหนด, ตัวเหลือง, ทารกที่มีภาวะพร่อง G6PD
Metronidazole หากต้องใช้ยาขนาดสูงถึง 2 กรัม ใน 1 มื้อ ควรให้งดนมแม่ 12 – 24 ชม.
Ciprofloxacin หากใช้ ขอให้สังเกตอาการแทรกซ้อนในทารก เช่นอาการท้องเสีย
Tetracycline, doxycycline หากใช้นานเป็นเดือนๆ อาจมีผลต่อการเจริญของกระดูก และทำให้ฟันเหลือง
กลุ่มยาต้านวัณโรค : INH, rifampicin, ethambutol, pyrazinamide สามารถใช้ได้ เพียงแต่ต้องติดตามอาการตัวเหลืองในทารก ส่วนstreptomycin ให้ติดตามการเกิดเชื้อราในปากและอาการท้องเสีย
ยาต้านไวรัสที่ใช้ได้ : acyclovir, tamiflu
ยารักษาพยาธิที่ใช้ได้ : albendazole, levamisole, mebendazole, niclosamide, praziquantel, pyrantel
ยารักษาเชื้อราที่ใช้ได้ : ketoconazole,fluconazole, miconazole, nystatin, itraconazole, ยาเฉพาะที่ เช่น ketokonazole, miconazole, clotrimazole
กลุ่มยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
Paracetamol เป็นยาที่ปลอดภัยที่สุด
Diclofenac, ibuprofen, mefenamic acid, celecoxib, piroxicam เป็นยาที่ใช้ได้
Aspirin ถ้าใช้ขนาดน้อยๆ เพื่อป้องกันเลือดแข็งตัวอาจจะปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในขนาดสูง
Naproxen ใช้ได้ในระยะสั้นๆ แต่เนื่องจากยาอยู่ในกระแสเลือดได้นาน จึงแนะนำให้กินยานี้ในช่วงที่ลูกจะหลับยาว ไม่ควรใช้เป็นเวลานานเพราะระดับยาอาจสะสมในเลือดของทารกได้
Norgesic ประกอบด้วย orphenadrine 35 mg และ paracetamol 450 mg ข้อมูลของ orphenadrine ยังมีน้อยในเรื่องปริมาณยาที่ออกมาในน้ำนม ถือว่าความปลอดภัยสำหรับการใช้ในแม่ที่ให้นมลูกอยู่ในระดับปานกลาง
Tolperisone ไม่มีข้อมูล
กลุ่มยาแก้หวัด ภูมิแพ้ ไอ ละลายเสมหะ ขยายหลอดลม
ยาที่ใช้ได้ : loratadine, diphenhydramine, chlorpheniramine, brompheniramine, promethazine , triprolidine, cetrizine, ambroxol, bromhexine, dextromethorphan, theophylline,terbutaline, albuterol, acetylcysteine
Clemastine ให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงกับทารก เช่น กระสับกระส่าย ง่วงซึม และคอแข็ง
Pseudoephedrine ใช้ได้ถ้าเป็นระยะสั้น ควรระมัดระวังถ้าใช้ระยะยาว เนื่องจากมีรายงานทารก 1 รายซึ่งมีอาการร้องกวน นอกจากนั้น ยานี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมน prolactin มีผลให้น้ำนมแม่น้อยลง
Codeine ใช้ได้ถ้าใช้ขนาดน้อยและไม่นาน ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน ให้สังเกตอาการแทรกซ้อนในทารก ได้แก่อาการหยุดหายใจ หัวใจเต้นช้า และเขียว
Montelukast ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับระดับยาในนมแม่ แต่คาดว่าน่าจะค่อนข้างน้อย
ยาพ่น albuterol, vanceril, beclomethasone, fluticasone, cromolyn, nedocromil, ipratropium ใช้ได้
กลุ่มยารักษาไมเกรน
Sumatryptan , ดูดซึมในทางเดินอาหารได้น้อย eletriptan ออกมาในน้ำนมไม่มาก สามารถใช้ได้
Ergotamine เนื่องจากระดับยาในเนื้อเยื่อของร่างกายอยู่นาน และเคยมีรายงานทารกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและถ่ายเหลว จึงแนะนำว่าหลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า และ ถ้าใช้ยานี้ในขนาดสูงเป็นเวลานาน จะมีผลต่อฮอร์โมน prolactin ทำให้น้ำนมน้อยลงได้
Flunarizine ข้อมูลเกี่ยวกับระดับยานี้ในน้ำนมไม่ทราบแน่นอน แต่เนื่องจากยาอยู่ในกระแสเลือดได้นาน หากเลี่ยงได้ก็จะดี ถ้าจะใช้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก