เมื่อแม่เจ็บป่วย

ให้นมลูกอยู่ ใช้ยานี้ได้ไหม

22 มิถุนายน 2017
แชร์ให้เพื่อน

ให้นมลูกอยู่ ใช้ยานี้ได้ไหม

[seed_social]
[seed_social]

โดย พญ. ปิยาภรณ์ บวรกีรติขจร

ในกระดานสนทนามักมีคำถามเรื่องยาที่คุณแม่ได้รับมาจากแพทย์ และอยากรู้ว่าจะใช้ได้ไหม หลายครั้งก็เป็นเรื่องเร่งด่วน บางคนก็ยอมทนกับความเจ็บป่วยเพราะไม่กล้าใช้ยานั้น จนกว่าคุณหมอๆ ของเว็บไซต์จะเข้ามาตอบในกระดานสนทนา หมอจึงเขียนบทความนี้เพื่อให้คุณแม่ได้ใช้ในยามฉุกเฉิน

 

แต่ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ต่อไป ขอทำความเข้าใจกับทุกท่านดังนี้

 

1. บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้คุณแม่ที่ได้รับยาจากแพทย์ แล้วไม่แน่ใจว่าจะใช้ยานั้นๆ ได้หรือไม่ ได้ใช้เพื่อการตัดสินใจใช้ยาเท่านั้น

2. กรุณาอย่านำข้อมูลจากบทความนี้ไปซื้อยาใช้เอง ขอยืนยันว่าการใช้ยาควรอยู่ในความดูแลของแพทย์

3. ข้อมูลในบทความนี้ได้สรุปจากเอกสารอ้างอิงด้านล่าง ซึ่งอาจไม่ตรงกับตำราหรือแหล่งอ้างอิงของท่านก็ได้

4. ข้อมูลเรื่องยาต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทั้งนี้ขึ้นกับรายงานการติดตามการใช้ยานั้นๆ ในวงกว้าง รวมทั้งรายงานความปลอดภัยและผลแทรกซ้อนต่างๆ ดังนั้นข้อมูลในบทความนี้อาจไม่ตรงได้ในอนาคตหากมีข้อมูลใหม่ๆ มาลบล้าง

5. ชื่อยาในบทความนี้จะใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์หรือชื่อทั่วไป ไม่ใช้ชื่อการค้า

6. ยาส่วนใหญ่จะผ่านออกมาในน้ำนมแม่ในปริมาณที่น้อยมาก คือน้อยกว่า 1% และน้อยกว่าระดับยาที่ใช้รักษาสำหรับทารก การใช้ยาในแม่จึงผลน้อยต่อทารก และมียาเพียงไม่กี่ชนิดที่ห้ามใช้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยาต่างๆ มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาในแม่ที่ให้นมลูก เนื่องจากเกรงมีปัญหาทางด้านกฎหมาย ไม่ใช่เพราะเกรงว่ายาจะออกมาในนมแม่ในระดับสูงจนอาจเป็นอันตราย

7. กรณีที่แม่ป่วย อ่อนเพลียหรือง่วงจากผลของยา ควรแยกที่นอนกับลูก เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการพลิกต้วไปทับลูกโดยไม่รู้ตัว และหากเป็นโรคติดเชื้อ ก็อาจแพร่เชื้อสู่ลูกได้

หลักการใช้ยา

1. หลีกเลี่ยงการใช้ยา ยกเว้นในกรณีจำเป็น

2. เลือกยาที่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในสำหรับแม่ที่ให้นมลูก

3. รูปแบบของยาที่อาจมีผลต่อการให้นม เรียงลำดับจากน้อยไปหามากคือ ยาทา ยาพ่น ยากิน ยาฉีด

4. สำหรับแม่ที่จำเป็นต้องใช้ยาที่ผ่านออกทางน้ำนมบ้าง เพื่อให้มีผลต่อลูกน้อยที่สุด มีข้อแนะนำดังต่อไปนี้

– ใช้วิธีลดปริมาณยาที่ลูกอาจได้รับผ่านนมแม่ลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยให้แม่รับยานั้นทันทีหลังจากให้นมเสร็จ หรือในช่วงเวลา 3 – 4 ชั่วโมงก่อนให้นมลูกมื้อต่อไป

– ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ยาว ควรรับยานั้นในช่วงก่อนเวลาที่ลูกจะหลับยาว

– กรณีของยาที่อาจมีผลต่อทารก ถ้าต้องงดให้นมลูกชั่วคราว ให้บีบ/ปั๊มนมทิ้ง และป้อนนมผสมแก่ลูกจากถ้วย เพื่อป้องกันลูกติดจุกนม

– สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดกับลูก เช่นปัญหาด้านการดูดนม การหลับ ร้องกวน หรือมีผื่นผิวหนังเป็นต้น

 

กลุ่มยาต้านจุลชีพ ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ (บางคนเรียกผิดเป็นยาแก้อักเสบ)

 

ยาต้านแบคทีเรียที่ใช้ได้: amoxicillin, ampicillin, cloxacillin, dicloxacillin, amoxicillin+clavulanic acid (amoxyclav), cephalexin, cefaclor, cefazolin,cefuroxime, ceftazidime, ceftriaxone, azithromycin, clarithromycin, erythromycin, gentamicin, clindamycin, norfloxacin, ofloxacin, levofloxacin, moxalactam, vancomycin

ยากลุ่มที่มีตัวยาซัลฟา (sulphonamides) รวมอยู่ด้วย ควรเลี่ยงในทารกป่วย, เกิดก่อนกำหนด, ตัวเหลือง, ทารกที่มีภาวะพร่อง G6PD

Metronidazole หากต้องใช้ยาขนาดสูงถึง 2 กรัม ใน 1 มื้อ ควรให้งดนมแม่ 12 – 24 ชม.

Ciprofloxacin หากใช้ ขอให้สังเกตอาการแทรกซ้อนในทารก เช่นอาการท้องเสีย

Tetracycline, doxycycline หากใช้นานเป็นเดือนๆ อาจมีผลต่อการเจริญของกระดูก และทำให้ฟันเหลือง

กลุ่มยาต้านวัณโรค : INH, rifampicin, ethambutol, pyrazinamide สามารถใช้ได้ เพียงแต่ต้องติดตามอาการตัวเหลืองในทารก ส่วนstreptomycin ให้ติดตามการเกิดเชื้อราในปากและอาการท้องเสีย

ยาต้านไวรัสที่ใช้ได้ : acyclovir, tamiflu

ยารักษาพยาธิที่ใช้ได้ : albendazole, levamisole, mebendazole, niclosamide, praziquantel, pyrantel

ยารักษาเชื้อราที่ใช้ได้ : ketoconazole,fluconazole, miconazole, nystatin, itraconazole, ยาเฉพาะที่ เช่น ketokonazole, miconazole, clotrimazole

 

กลุ่มยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ

Paracetamol เป็นยาที่ปลอดภัยที่สุด

Diclofenac, ibuprofen, mefenamic acid, celecoxib, piroxicam เป็นยาที่ใช้ได้

Aspirin ถ้าใช้ขนาดน้อยๆ เพื่อป้องกันเลือดแข็งตัวอาจจะปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในขนาดสูง

Naproxen ใช้ได้ในระยะสั้นๆ แต่เนื่องจากยาอยู่ในกระแสเลือดได้นาน จึงแนะนำให้กินยานี้ในช่วงที่ลูกจะหลับยาว ไม่ควรใช้เป็นเวลานานเพราะระดับยาอาจสะสมในเลือดของทารกได้

Norgesic ประกอบด้วย orphenadrine 35 mg และ paracetamol 450 mg ข้อมูลของ orphenadrine ยังมีน้อยในเรื่องปริมาณยาที่ออกมาในน้ำนม ถือว่าความปลอดภัยสำหรับการใช้ในแม่ที่ให้นมลูกอยู่ในระดับปานกลาง

Tolperisone ไม่มีข้อมูล

 

กลุ่มยาแก้หวัด ภูมิแพ้ ไอ ละลายเสมหะ ขยายหลอดลม

ยาที่ใช้ได้ : loratadine, diphenhydramine, chlorpheniramine, brompheniramine, promethazine , triprolidine,  cetrizine, ambroxol, bromhexine, dextromethorphan, theophylline,terbutaline, albuterol, acetylcysteine

Clemastine ให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงกับทารก เช่น กระสับกระส่าย ง่วงซึม และคอแข็ง

Pseudoephedrine ใช้ได้ถ้าเป็นระยะสั้น ควรระมัดระวังถ้าใช้ระยะยาว เนื่องจากมีรายงานทารก 1 รายซึ่งมีอาการร้องกวน นอกจากนั้น ยานี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมน prolactin มีผลให้น้ำนมแม่น้อยลง

Codeine ใช้ได้ถ้าใช้ขนาดน้อยและไม่นาน ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน ให้สังเกตอาการแทรกซ้อนในทารก ได้แก่อาการหยุดหายใจ หัวใจเต้นช้า และเขียว

Montelukast ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับระดับยาในนมแม่ แต่คาดว่าน่าจะค่อนข้างน้อย

ยาพ่น albuterol, vanceril, beclomethasone, fluticasone, cromolyn, nedocromil, ipratropium ใช้ได้

 

กลุ่มยารักษาไมเกรน

Sumatryptan , ดูดซึมในทางเดินอาหารได้น้อย eletriptan ออกมาในน้ำนมไม่มาก สามารถใช้ได้

Ergotamine เนื่องจากระดับยาในเนื้อเยื่อของร่างกายอยู่นาน และเคยมีรายงานทารกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและถ่ายเหลว จึงแนะนำว่าหลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า และ ถ้าใช้ยานี้ในขนาดสูงเป็นเวลานาน จะมีผลต่อฮอร์โมน prolactin ทำให้น้ำนมน้อยลงได้

Flunarizine ข้อมูลเกี่ยวกับระดับยานี้ในน้ำนมไม่ทราบแน่นอน แต่เนื่องจากยาอยู่ในกระแสเลือดได้นาน หากเลี่ยงได้ก็จะดี  ถ้าจะใช้ ต้องระมัดระวังอย่างมาก

Admin
มูลนิธิศูนย์นมแม่
บทความที่เกี่ยวข้อง
น้ำนมมีสี ผิดปกติไหม
ข้อกังวลใจแม่หลังคลอด
แม่ไม่สบาย ต้องกินยา ให้นมลูกต่อไปได้หรือไม่